กระต่ายสายพันธุ์มินิเร็กซ์ กระต่ายสุดน่ารักที่มีขนนุ่มราวกับกำมะหยี่

สัตว์แต่ละตัวนั้นก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป บางชนิดถึงแม้ว่าลักษณะภายนอกของพวกเขาจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังคงมีหลายอย่างที่แตกต่างกันออกไปอย่างเช่น กระต่ายสายพันธุ์มินิเร็กซ์ ที่ภายนอกของพวกเขานั้นเหมือนกับกระต่ายทั่วไป แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขามีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แตกต่างออกไป แถมยังมีขนที่นุ่มเหมือนกับกำมะหยี่เลยทีเดียว สำหรับใครที่เคยได้สัมผัสกับพวกเขามาก่อนคงตกหลุมรักได้ไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่ วันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกระต่ายมินิเร็กซ์ ก่อนที่จะรับพวกเขามาเลี้ยงกัน 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

ทำความรู้จักกับกระต่ายมินิเร็กซ์ สิ่งมีชีวิตที่หลายคนอาจเคยมองข้ามมาก่อนในร้านขายสัตว์เลี้ยง

กระต่ายสายพันธุ์มินิเร็กซ์ เป็นสัตว์ตัวเล็กที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 2 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังไม่ส่งเสียงร้องอีกด้วย หากดูแลเรื่องกลิ่นให้ดีก็สามารถเลี้ยงในห้องพักหรือคอนโดมิเนียมได้เลยทีเดียว เพราะจะไม่ส่งเสียงหรือมีปัญหารบกวนให้กับคนที่อยู่รอบข้างต้องรำคาญอย่างแน่นอน 

ความโดดเด่นของพวกเขาก็คือ เป็นกระต่ายขนสั้นที่มีขนนุ่มเหมือนกับกำมะหยี่ ดังนั้นขนของพวกเขาจึงไม่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ขนสัตว์แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้มีตัวเล็กน่ารักเหมือนกับกระต่ายสายพันธุ์ยอดนิยมอย่างฮอลแลนด์ลอป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก 

มินิเร็กซ์นั้นมีขาหลังที่ทรงพลังซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถกระโดดได้สูงมากกว่าส่วนสูงของพวกเขาหลายเท่า กรงที่ไม่มีฝาปิดด้านบนหากไม่ได้มีความสูงเกิน 2 เมตร จะไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้อย่างแน่นอนเมื่อตัวโตเต็มวัย พวกเขามีหูยาวและตั้งขึ้นเหมือนกับกระต่ายในอุดมคติ 

หน้าค่อนข้างยาว ปากและจมูกจะยื่นออกมาด้านหน้า ช่วยให้พวกเขาไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับการกินหญ้าหรือการกินน้ำสักเท่าไหร่ ด้วยความที่เป็นสัตว์น่ารักและค่อนข้างอยู่ง่ายกินง่าย พวกเขาจึงได้รับความนิยมไม่น้อยในฐานะของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชื่นชอบกระต่ายอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่หลายคนอาจเคยมองข้ามพวกเขามาก่อนเวลาไปตามร้านขายสัตว์ เนื่องจากพวกเขายังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างนั่นเอง 

สิ่งที่คุณควรดูก่อนรับมินิเร็กซ์มาเลี้ยงก็คือ การกินอาหาร เราจะต้องรู้ว่า ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ร้านขายสัตว์มีการกินอาหารตามปกติหรือไม่ ทางร้านขายสัตว์ได้ให้อะไรเป็นอาหาร อย่างที่ 2 ก็คือท่าทาง พวกเขามีท่าทางที่กระตือรือร้นดีหรือดูซึม เพราะหากพวกเขาเจ็บป่วยพวกเขาก็มักจะซึมนิ่งอยู่กับที่ ไม่ตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็น

สิ่งสุดท้ายที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คือ อุจจาระของพวกเขาเป็นก้อนกลมที่แห้งดีหรือไม่ เนื่องจากกระต่ายเด็กนั้น มีความเสี่ยงในการป่วยด้วยโรคบิดเป็นอย่างมาก โรคดังกล่าวหากกระต่ายป่วยแล้วจะมีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ยิ่งอายุน้อยยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว 

หากตัวใดตัวหนึ่งภายในกรงหรือภายในคอกเดียวกันมีอุจจาระที่ไม่ปกติ ก็ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ หรือจะพาพวกเขาไปตรวจสุขภาพหลังจากที่ซื้อมาแล้วก็ได้เช่นเดียวกัน 

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนรับเลี้ยงกระต่ายสายพันธุ์มินิเร็กซ์ 

กระต่ายสายพันธุ์มินิเร็กซ์ เป็นสัตว์ที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเกี่ยวกับวิธีเลี้ยง เพราะถึงแม้พวกเขาจะค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็มีความเสี่ยงในการป่วยได้ง่ายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากอากาศและอาหารการกิน หากอากาศร้อนจนเกินไปและเราไม่ได้จัดสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาให้มีอากาศถ่ายเท ไม่ได้เปิดประตูหน้าต่างหรือเปิดพัดลมให้กับพวกเขา ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาอาจจะเป็นโรคลมแดดได้ 

ในส่วนของอาหารการกินนั้น พวกเขาเป็นสัตว์กินพืชที่ไม่ได้หมายความว่า สามารถกินผักและผลไม้ได้ทุกชนิด อาหารหลักของพวกเขาในตอนยังเด็กหรือตอนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่คือหญ้าที่มีชื่อว่า อัลฟาฟ่า เมื่อโตขึ้นให้เราปรับเปลี่ยนเป็นหญ้าทิมโมธี เราสามารถให้อาหารเม็ดเป็นของเสริมหรือรางวัลได้ โดยในวันหนึ่งไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ ไม่ควรให้พวกเขากินหญ้าหรือผลไม้โดยที่ไม่ได้ศึกษาก่อนว่า เป็นอันตรายกับพวกเขาหรือไม่ หรือหากเป็นไปได้จะให้หญ้าพวกเขาอย่างเดียว 100% ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายของพวกเขาดีขึ้นกว่าเดิม 

เราอยากแนะนำให้ทุกคนดูแลสุขภาพพวกเขาให้ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาป่วยจะเป็นการดีที่สุด เพราะพวกเขาเป็น Exotic Pet ที่หากเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ก็ต้องพาไปรักษาที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์พิเศษโดยเฉพาะเท่านั้น ซึ่งราคาจะค่อนข้างสูงกว่าโรงพยาบาลสัตว์ธรรมดาทั่วไป 

เราจะต้องหมั่นสังเกตอุจจาระของพวกเขาอยู่เป็นประจำ ว่าเป็นก้อนกลมที่แห้งปกติดีหรือไม่ เพราะพวกเขามักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายอยู่เสมอ ก็ถือว่าเป็นอันตรายเป็นอย่างมาก 

นอกจากนี้พวกเขายังเป็นเหยื่อตามธรรมชาติ ทำให้พวกเขานั้นมักจะเก็บอาการป่วยเอาไว้อยู่เสมอ จนผู้เลี้ยงอย่างเราแทบจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลย เราจึงต้องหมั่นสังเกตความผิดปกติของพวกเขาอยู่เป็นประจำ และอย่าวางใจกับความผิดปกติเพียงแค่เล็กน้อย เพราะมันอาจกำลังหมายถึงความเจ็บป่วยอย่างรุนแรงของพวกเขานั้นเอง