หากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอยู่แล้วก็อาจจะเคยเห็นผ่าน ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแปลก ๆ มาบ้าง อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ เตกู สัตว์ Exotic Pet ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยลักษณะภายนอกของมันที่ใกล้เคียงกับตัวเงินตัวทองหรือเหี้ยในบ้านเราเป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า คนที่เลี้ยงสัตว์แปลกเหล่านี้กำลังเลี้ยงเหี้ยเอาไว้ในบ้าน ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด พวกเขาเป็นเพียงสัตว์สายพันธุ์หนึ่งที่หากเราเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดและผูกพันกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก เราสามารถเลี้ยงปล่อยพวกเขาได้ไม่แตกต่างอะไรจากสุนัขเลยแม้แต่น้อย วันนี้ Animalkingdom จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นกัน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทำความรู้จักกับเตกู สัตว์เลี้ยงสุดแปลกที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก
เตกู เป็นสัตว์เลี้ยงสุดแปลกที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทยในเฉพาะกลุ่ม ลักษณะภายนอกของพวกเขานั้นอาจจะดูน่ากลัวไปสักหน่อย เพราะแทบจะไม่แตกต่างอะไรจากตัวเงินตัวทองในบ้านเราเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มีขนาดที่เล็กกว่า แต่หากสังเกตให้ดีเราจะเห็นถึงความสวยงามของพวกเขา ที่ไม่เหมือนกับตัวเงินตัวทองในบ้านเราแต่อย่างใด โดยเฉพาะสีสันและลวดลาย และด้วยความที่พวกเขานั้นเป็นสัตว์เลี้ยง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถฝึกให้เชื่องได้ หากเราเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดและผูกพันกันมาตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก พวกเขาก็สามารถที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องไม่ต่างจากสุนัขที่เรารู้จักกันดีเลย
กิ้งก่าสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศปารากวัย สามารถพบได้ทั้งในประเทศอาร์เจนตินา บราซิล โบลิเวีย และอุรุกวัย พวกเขานั้นเป็นสัตว์บกที่อยู่ในสภาพกึ่งแห้งแล้งได้เป็นอย่างดี เราสามารถพบเขาได้ทั่วไปตามบริเวณที่มีต้นไม้ อายุของพวกเขานั้นสามารถยืนยาวได้สูงสุดมากกว่า 22 ปีเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนรับเลี้ยงพวกเขา เราจึงต้องสำรวจความพร้อมของเราก่อน ขนาดโตเต็มวัยนั้นจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 4.5 ฟุต โดยปกติตามธรรมชาติแล้ว พวกเขาก็เป็นสัตว์ที่ไม่ได้ดุร้ายอะไรมากมาย พอถูกนำเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงก็ยิ่งเชื่องมากขึ้นไปอีก
อาหารนั้นพวกเขาก็สามารถรับประทานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ผักผลไม้ แมลง ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ และซากสัตว์ เราควรให้เป็นอาหารสด อย่างเช่น เนื้อไก่สด หรือ ซากสัตว์ ตัวอย่างเช่น หนูแช่แข็ง หรือ ลูกเจี๊ยบ เป็นต้น พวกเขานั้นควรได้รับอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนอย่างเพียงพอ และเสริมด้วยผักและผลไม้เพื่อเพิ่มวิตามินให้กับร่างกาย เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างดูแลง่ายเพราะหลังจากที่พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป สามารถให้อาหารสัปดาห์ละครั้งได้เลย ไม่แตกต่างอะไรจากการเลี้ยงงู
หากพวกเขายังเป็นเด็กในช่วงฟักไข่ จำเป็นที่จะต้องให้อาหารทุกวัน ในช่วง 7 เดือนถึง 1 ปี ต้องให้อาหารเกือบทุกวัน วัยเด็กตั้งแต่อายุ 1-3 ปี ให้อาหารแบบวันเว้นวัน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส พวกเขานั้นต้องการการอาบแดดเป็นประจำในตอนเช้าเพราะจะช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหาร และพวกเขาจะอาบแดดอีกครั้งหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราจึงควรที่จะมีพื้นที่ให้พวกเขาสามารถอาบแดดได้ หรือจะใช้หลอดไฟ UV แทนก็ได้เช่นเดียวกัน สำหรับคนที่เลี้ยงพวกเขาในห้องพัก
สำหรับใครที่อยากจะเลี้ยงพวกเขานั้น เรื่องอุณหภูมิเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเป็นกิ้งก่าที่เป็นสัตว์เลือดเย็น พวกเขาต้องการแหล่งความร้อนจากภายนอกเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ยิ่งในฤดูหนาวยิ่งต้องเพิ่มตารางการอาบแดดของพวกเขาให้มากขึ้นกว่าเดิม และพวกเขายังมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธการกินอีกด้วย หากคุณต้องการเลี้ยงพวกเขาสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือ เราจะต้องมีจุดปลอดภัยให้กับพวกเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไปหาซอกซอยเพื่อหลบเป็นจุดซ่อนของตนเอง ซึ่งอาจจะเป็นจุดที่ไม่พึงประสงค์อย่างเช่นในตู้เสื้อผ้าของเราก็เป็นได้ สำหรับใครที่อยากจะสร้างความบันเทิงให้กับพวกเขานั้น พวกเขาสามารถเล่นของเล่นไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตาหรือของเล่นยางสำหรับสุนัขได้เลย
น้ำลายเตกู มีพิษอันตรายต่อผู้เลี้ยงหรือไม่
เราอาจเคยได้ยินว่า “เตกู” นั้นเป็นกิ้งก่าที่น้ำลายมีพิษหลายคนจึงกังวลและไม่กล้าเลี้ยงพวกเขา นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกด้วยว่า พวกตัวเงินตัวทองในบ้านเราเองก็มีน้ำลายที่เป็นพิษเช่นเดียวกัน สาเหตุอาจเกิดจากการที่หลายคนได้ยินมาว่า “มังกรโคโมโด” เป็นกิ้งก่าสายพันธุ์ขนาดใหญ่เป็นสัตว์ที่มีพิษ ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะกิ้งก่าสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นมีต่อมพิษ ที่สามารถสร้างอันตรายให้กับผู้ที่ถูกกัดได้ แต่สำหรับกิ้งก่าอย่างเตกูหรือแม้แต่ตัวเงินตัวทองในบ้านเรานั้น น้ำลายพวกเขาไม่ได้มีพิษแต่อย่างใด
สิ่งที่ทำให้น้ำลายของพวกเขาเป็นพิษเกิดจากอาหารและสภาพแวดล้อมต่างหาก การที่พวกเขากินเศษอาหารของเน่าของเสียหรือของที่สกปรก จะทำให้ในน้ำลายของเขานั้นเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่อันตราย และอาจจะทำให้เราติดเชื้อในกระแสเลือดจนถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด แต่สำหรับสัตว์เลี้ยงที่เราดูแลสภาพแวดล้อมให้สะอาดเป็นอย่างดีและให้อาหารที่สดใหม่อยู่เป็นประจำ น้ำลายของพวกเขาไม่มีพิษมากพอที่จะทำให้เราถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อถูกกัดก็แค่ล้างแผลและไปพบแพทย์เพื่อทำความสะอาด รวมไปถึงทำแผลตามปกติก็เพียงพอแล้ว
